125 บจ. ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกรวม 95,739 ล้านบาท
บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ mai 125 แห่ง ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกปี
2559 มูลค่ารวม 95,739 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล (dividend payout ratio) สูงถึง 68%
เพิ่มขึ้นจากในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 60% สะท้อนพื้นฐานและสภาพคล่องที่ดีขึ้นของ บจ.
ดร. สันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เปิดเผยว่า จากข้อมูลที่ บจ. รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ วันที่ 31 ส.ค. 2559 มี บจ.
ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งแรกปี 2559 แล้ว 125 บริษัท (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์)
มูลค่าจ่ายเงินปันผลรวม 95,739 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล (dividend payout ratio) ที่ 68%
เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 60% แบ่งออกเป็น บจ. ใน SET 105 บริษัท มูลค่าเงินปันผล
95,000 ล้านบาท และ บจ. ใน mai 20 บริษัท มูลค่าเงินปันผล 739 ล้านบาท ทั้งนี้
มูลค่าเงินปันผลส่วนใหญ่เกิดจาก บจ. ในกลุ่ม SET50 ซึ่งมีมูลค่าเงินปันผลรวม 74,100 ล้านบาท คิดเป็น 77%
ของมูลค่าเงินปันผลระหว่างกาลทั้งหมด
"ผลกำไรสุทธิของ บจ. ที่ปรับดีขึ้น มีส่วนทำให้ บจ. จ่ายเงินปันผลได้เพิ่มขึ้นในรูปตัวเงิน
และมีการพิจารณาจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงขึ้นด้วย ขณะเดียวกันในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จำนวน บจ.
ที่มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลอยู่ที่ประมาณ 120-150 บริษัท สะท้อนถึงความสม่ำเสมอของบริษัท
ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ลงทุนในการพิจารณาลงทุนในหุ้นไทย" ดร. สันติกล่าว
บจ. ใน SET ที่ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส
(ADVANC) บมจ. ปตท. (PTT) บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) บมจ. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) และ บมจ.
เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) มีมูลค่ารวมกัน 52,546 ล้านบาท หรือ 70%
ของมูลค่าเงินปันผลระหว่างกาลทั้งหมดใน SET โดยหมวดธุรกิจที่จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสูงสุด 5 อันดับแรก
คือ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หมวดวัสดุก่อสร้าง
หมวดอาหารและเครื่องดื่ม และหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีมูลค่าเงินปันผลรวม 78,685 ล้านบาท หรือ 83%
ของมูลค่าเงินปันผลระหว่างกาลทั้งหมด โดยเป็นหมวดธุรกิจเดียวกันกับในปีก่อนหน้า
สำหรับ บจ. ใน mai ที่ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บมจ. ฟอร์ท สมาร์ท
เซอร์วิส (FSMART) บมจ. บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK) บมจ. ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ (FPI) บมจ. สหการประมูล
(AUCT) และ บมจ. แอร์โรว์ ซินดิเคท (ARROW) มีมูลค่าเงินปันผลรวม 427 ล้านบาท หรือ 58%
ของมูลค่าเงินปันผลระหว่างกาลทั้งหมดใน mai
ที่มา http://www.set.or.th/set/newsdetails.do?newsId=14727730565131&language=th&country=TH
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น